อมยิ้ม ( Lollipop )

                 

            

              ในวัยเด็กเชื่อว่าพวกเราหลายคน คงยังติดใจรสชาติของพวกน้ำตาลก้อนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น 

ลูกอมทอฟฟี่ อมยิ้ม น้ำตาลปั้นที่ปั้นรูปต่างๆ ไม่เว้นแต่กระทั่งสายไหมตามงานวัดก็เถอะ ซึ่งพวกเราใน

วัยเด็กคงเคยลิ้มลองรสชาติความหวานของน้ำตาลก้อนเหล้านี้มาแล้วทั้งสิ้น แต่ถ้าให้เลือกถึงความ

อร่อยรวมถึงรสชาติแปลกๆ เชื่อว่าหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอมยิ้มนี่แหละแปลกเสียจริงทั้งวิธีการกินก็

แปลกๆ ที่ต้องจับด้ามแล้ว เข้าๆออกๆ หรือ บางคนอมแช่ไว้อยู่อย่างนั้นแหละ หรือไม่ก็อาจจะอมดูดๆ

ก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของแต่ละคน

ประวัติอมยิ้ม 
               การผลิตอมยิ้มน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณตามที่สมาคมลูกกวาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา 

According to the NationalConfectionary Association กล่าวว่า การทำอมยิ้มมีไม้เสียบอันแรกทำโดยมนุษย์

ที่อยู่ในยุคดึกดำบรรพ์สมัยอาศัยอยู่ในถ้ำซึ่งในสมัยนั้นการเก็บรวงผึ้งและน้ำผึ้งจะใช้ไม้เก็บเพื่อป้องกัน

ไม่ให้สูญเสียความหวานส่วนที่เหลือพวกเขาก็จะเสียบแท่งไม้ไว้ และนี่เองอาจเป็นจุดกำเนิดของอมยิ้ม

ที่เกิดขึ้นครั้งแรกอย่างไม่ได้ตั้งใจ 

ลูกกวาดน้ำตาล ทั้งด้านความหมายของลูกอมน้ำตาลและวิธีการที่ใช้ในการทำสูตรครั้งแรกสำหรับปรุง

มันเพื่อชี้ให้เป็นว่าเป็นของดั้งเดิมแต่โบราณ เราสามารถหาร่องรอยลูกอมน้ำตาลได้นั้นต้องย้อนไป

จนถึงภาษาเปอร์เซียและสันสกฤตที่ใช้น้ำตาลเป็นก้อน ๆ ความจริงที่ว่าคำมีต้นกำเนิดจากโบราณเพียง

แสดงให้เห็นว่าอะไรทำให้ที่ ลูกอมน้ำตาลเป็นที่ต้องการและอะไรที่ไม่ธรรมดาส่งมันผ่านจากสังคมหนึ่ง

ไปยังอีกสังคมหนึ่ง

                  
                       ครั้นเมื่อสมัยนั้นมนุษย์เราได้รู้จักน้ำตาลเป็นครั้งแรกมันเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากและมี

ราคา แพงผิดกับในสมัยปัจจุบันที่สามารถหาได้ง่ายเนื่องจากในสมัยนั้นผู้คนมีความเชื่อว่าน้ำตาล

สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้

 ซึ่งในสมัยนั้นบุคคลที่จะมีน้ำตาลในครอบครองมักจะเป็นพวกขุนนาง ต่อมาในยุคกลางน้ำตาลค

ค่อยเป็นที่รู้จักมากขึ้นมันแพร่หลายมากในยุโรป โดยเฉพาะคนอังกฤษยกย่องคุณสมบัติของมันว่า 

น้ำตาลเป็นผู้รักษาโรคฤดูหนาวได้ดี การบริโภคในยุคนั้นเราอาจจะกินน้ำตาลแบบเป็นก้อนหรือน้ำตาล

พันไม้หรือที่คนอังกฤษเรียกว่า pen nets คนละตินเรียก penida ซึ่งลักษณะเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนใน

อเมริกาโดยมีจุดประสงค์ที่จำเป็นเพื่อต่อต้านความหนาวเหมือนกัน และในปัจจุบันก็นับว่าโชคร้ายที่ไม่มี

ใครบอกได้ว่าอมยิ้มถูกพบครั้งแรกเมื่อใดเ แต่ที่เรารู้แน่คืออมยิ้มเป็นลูกกวาดที่นิยมมากที่สุด


ที่มาของคำว่า อมยิ้ม ( Lollipop ) 

                 นักภาษาศาสตร์บางคนคิดว่าความหมายของคำว่า Lollipop น่ามาจากคนขายของริมทางใน

กรุงลอนดอนระหว่างยุคสมัยของชาร์ลส์ ดิกเกนส์ (Charles Dikens) ซึ่งต่อมาคำว่า Lollipop ถูกบันทึกเป็น

ครั้งแรกในปี ค.ศ.1784 ใน London Chronicle ฉบับเดือนมกราคม ในขั้นตอนนี้ อมยิ้มเป็นเพียงลูกกวาด

ธรรมดา และไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นอยู่จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่มีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน อย่าง

ที่เห็นว่าอมยิ้มดั้งเดิมเองไม่มีลักษณะที่ชัดเจน และคำอธิบายที่พบบ่อยคือมันมาจากคำว่า lolly เป็น

ภาษาดั้งเดิมของอังกฤษตอนเหนือที่ใช้เกี่ยวกับลิ้น (จึงเรียกเช่นนี้ เพราะลิ้นแลบออกมา)และต่อมา

ความหมายของคำว่า lolly ศตรรษที่18 ซึ่งเป็นศตวรรษหนึ่งแห่งการกิน ดังนั้น อมยิ้ม จึงเป็นสิ่งที่ยื่น

เข้าไปในปากไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความหมายว่า เป็นลูกอมเสียบไม้อย่างที่เห็นได้ปกติในเวลาต่อมา ใน

ภาษาเก่า ๆ ของลูกอมเคี่ยวที่จำหน่ายโดยผู้ผลิตลูกกวาดยังคงเรียกว่า lolly แม้ว่าจะไม่มีไม้เสียบแล้ว

ก็ตาม ในสหรัฐอเมริกาคำลงท้าย (pop) นำมาใช้ต่อท้าย ในคำว่า popsicle ลูกอมแข็ง ๆ เสียบไม้มักทำมา

จากกระดาษม้วนเป็นขนมว่างที่เด็กโปรดปราน และเริ่มมารู้จักในอังกฤษเมื่อทศวรรษที่ 1780 ชื่อมีที่มา

จากภาษาท้องถิ่นของอังกฤษ " lolly," " tongue" และ " popซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อเอา

ลูกอมออกจากปากวิธีการทำลูกกวาดเหล่านี้ถูกรวมกับตำราของนักทำลูกกวาดมืออาชีพมีเครื่องจักร

พิเศษเพื่อให้ได้รูปร่างที่สมบูรณ์และเสียบไม้มีสูตรมากมายสำหรับการเคี่ยวลูกกวาดน้ำตาลแข็งๆซึ่งส่วน

ใหญ่มีรูปร่างเหมือนไม้หยดน้ำก้อนหินและลูกบอลมีรสชาติและสีหลากหลายและไม่มีความจำเป็นต้อง

นำไม้ไปเสียบเพื่อการประดิษฐ์เหล่านี้และมันยังมีส่วนเล็กๆที่นำมาทำเป็นของเล่นจากน้ำตาลเคี่ยวลูก

กวาดเหล่านี้ทำเป็นรูปร่างขึ้นด้วยเชื้อราโดยเฉพาะรูปสัตว์นั้นเป็นที่นิยมมากและยังมีวิธีการทำเป็น

นกหวีดลูกกวาดเป็นสามมิติด้วย







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น